สังข์ทอง


สังข์ทอง
		กาลปางก่อน  มีพระเจ้าพรหมทัต(ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร(เมืองยศวิมล)  
พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อพระนางจันทราเทวี(นางจันเทวี)
มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อพระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา)พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก 

ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตรของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง  
พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนจะเป็นโอรสและเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า
จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับพระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง  
พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง  ยายตาสองคนสงสาร
จึงชวนให้พักอยู่ด้วย  โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดา 
จึงแปลงกาย เป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู  

เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็ คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์  ซึ่งพระนางก็รักใคร่ 
เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์ วันหนึ่งพระนางจันทราเทวีออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน
ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไป
ในรูปหอยสังข์ตามเดิม  พระนางจันทราเทวีเมื่อกลับมาก็แปลกใจว่าใครมาช่วยทำงาน  
และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป  ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำงานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง 
พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย  แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน 
โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจจึงทุบหอยสังข์เสีย
และกอดโอรสด้วยความยินดี และตั้งชื่อให้ว่า " สังข์ทอง" 

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวี ประสูติพระโอรสก็ยินดีจะรับ พระนางจันทราเทวีกลับ
พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่าพระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อ
เกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมืองจึงให้อำมาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป 
เมื่อแพลอยออกทะเลเกิดพายุใหญ่แพแตกพระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร
พระนางก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัย บ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อ ธนัญชัยเศรษฐี  และทำหน้าที่
เป็นแม่ครัว ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ  

พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง  แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์
ซึ่งนางยักษ์พันธุรัตปกครองอยู่   นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู พระสังข์ทอง
ก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เม่ื่อนางออก
ไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน  ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่าอย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นบน 
และในสวน  พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้  วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า 
พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เมื่อเห็นกระดูกสัตว์และคนเป็นจำนวนมากที่นางยักษ์กินเนื้อ
แล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจำนวนมาก  พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึก
หวาดกลัว  และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงามพอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็น
สีทอง  พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัว    ร่างกายก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบน
ปราสาทชั้นบน  เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์  พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวมก็
กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้  พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์แล้วเหาะหนีออกจาก
เมืองยักษ์  และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา  ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก  
และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบนเห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์หายไป  ก็รู้ทันทีว่าพระสังข์ทองรู้ว่า
ตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป  
เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้จึงร้องไห้อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลายแต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์ หาเนื้อหาปลาให้พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมาก
หลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสีและได้ไปอาศัยชาวบ้าน ช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่า พวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระสังข์ทอง ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่าง ๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือก พระธิดาทั้ง 6 องค์ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม
แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อรจนาไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชด โดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมืองให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก   พระสังข์ทอง ในรูปเงาะป่าก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทอง แทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง
เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัดจึงออกคำสั่งให้เขยทั้งหกและเงาะป่าไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอออยู่ที่พระสังข์ทอง หกเขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่งหกเขยคิดว่าเป็นเทวดา หกเขยขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย หกเขยก็ยอม ทั้งหมดก็นำเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสีเจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่า ไม่ได้ก็แค้นใจจึงมีคำสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทอง
หกเขยหาปหกลาไม่ได้ทั้งวันและเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวาย เจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่น ที่จะกำจัดเงาะป่า  พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสี
และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศภายในเจ็ดวัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสีเจ้าเมืองพาราณสีตกใจมากให้หกเขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะ ไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสีจึงแอบไปหานางรจนา และขอให้นางรจนาอ้อนวอน ให้เงาะป่าช่วย   เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่เจ็ดเงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์เจ้าเมืองพาราณสี ดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหา พระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร
พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีตซึ่งผู้ทำจะต้องเป็นผู้ทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน   จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทอง ปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่น ๆจนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี
เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่าพระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสีมีความสามารถทำให้รุ่งเรืองจึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทองและพระนางจันทราเทวีกลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดาจึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัต และเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา.

4 ความคิดเห็น:

  1. ตอน พระสังข์ถ่วงน้ำ เริ่มตรงไหนครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบทสรุปหน่อยครับ

    ตอบลบ
  3. ของสรุปความสำคัญหน่อยคับ

    ตอบลบ
  4. เอาแบบละเอียดเลยสำหรับ สังข์ทอง ทางเลือกเพิ่มเติม ทางเลือกเพิ่มเติม สังข์ทอง (ฉบับการ์ตูน)

    ตอบลบ